DAOL ชี้ภาพรวมธุรกิจฟื้นตัว คาด AUM บลจ.ปี’66 โต 8,000 ล้าน

ชี้ภาพรวมธุรกิจฟื้นตัว 21

กลุ่มธุรกิจการเงิน ดาโอ (DAOL) มั่นใจปีนี้กำไรกลับมาเติบโตจากปีก่อน คาดธุรกิจบลจ. ปีนี้ AUM โต 20% แตะ 8,000 ล้านบาท ชี้กลุ่มบล.-รีทตัวหลักหนุนธุรกิจเติบโต ด้านการปรับโครงสร้างยังอยู่ระหว่างพิจารณา

การเงิน วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจการเงิน ดาโอ (ประเทศไทย) หรือ DAOL เปิดเผยว่า สำหรับผลการดำเนินงานกลุ่มธุรกิจปี 2566 นี้มั่นใจกลับมามีกำไรเติบโตอีกครั้ง หลังจากช่วงปีที่ 2565 ที่ผ่านมายอมรับว่ากำไรหดตัวลงซึ่งเป็นไปในทิศางดียวกับกับหลาย ๆ ธุรกิจ โดยกลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้หลักยังคงเป็นธุรกิจจากบริษัทหลักทรัพย์(บล.)ขณะเดียวกันในปีนี้ธุรกิจรับบริหารกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) จะกลับมาโดดเด่นคาดว่าเติบโตประมาณ 10-15% หรือมีกำไรเพิ่มขึ้น 20 ล้านบาท จากปี 2565 ที่มีกำไรอยู่เพียง 5-10% เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่อง ผลตอบแทนค่อนข้างโดดเด่นทำให้สินทรัพย์นี้มีความน่าสนใจในการลงทุนสูงพร้อมกันนี้ มีแผนออกกองรีทใหม่เน้นลงทุนในสินทรัพย์โรงแรมในส่วนธุรกิจสินเชื่อที่มีหลักประกันยังเติบโตต่อเนื่องและคาดว่าสิ้นปี 2566 สินเชื่อมีโอกาสเติบโตสูงถึง 6,000-7,000 ล้านบาท จากยอดสินเชื่อในปัจจุบันอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท ทางด้านธุรกิจนายหน้าขายประกัน เติบโตต่อเนื่องเช่นเดียวกัน เช่นเดียวกับธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน(บลน.) อย่างไรก็ตาม ทั้งสองธุรกิจนี้ ยังต้องใช้เวลาในการเติบโต

ชี้ภาพรวมธุรกิจฟื้นตัว 21

ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ดาโอ จำกัด มั่นใจสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ปีนี้จะกลับมาเติบโตสูงถึง 20% อยู่ที่ 8,000 ล้านบาท

การเงิน เติบโตจากปีก่อนหน้าที่มี AUM อยู่ที่ระดับ 6,000 ล้านบาท ขณะที่การปรับโครงสร้างธุรกิจการเงินดาโอ ยังอยู่ระหว่างพิจารณาและข้อสรุปด้านกลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมามีการปรับตัวขึ้นกว่า 7% ตลาดจึงมีปรับตัวลงซึ่งมองว่าเป็นการพักฐาน ทั้งนี้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่คาดว่าน่าจะไม่สูงเกิน 5.25% ประกอบกับค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่า อาจทำให้ในระยะสั้นตลาดดีดตัวลงได้นิดหน่อย อย่างไรก็ตามยังมองเป็นจังหวะที่ดีในการซื้อหุ้น เพราะอัตราดอกเบี้ยน่าใกล้จุดสูงสุดแล้ว เงินเฟ้อเริ่มลดลง และภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เคยกังวลก็น่าจะไม่เกิดขึ้น จากการเปิดประเทศของจีนถือว่าส่งผลดีต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ อย่างมาก โดยมองเป้าหมายดัชนีสิ้นปีนี้ที่ 1,700-1,750 จุดสำหรับการจัดพอร์ตการลงทุนในนี้ แนะนำให้มีสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศ 70% หุ้นไทย 30% โดยที่การลงทุนในต่างประเทศมองตลาดหุ้นจีน H-Share น่าสนใจ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการบริโภคภายในประเทศและเรื่มเก็นหารฟื้นตัวกลับมาได้ดีกว่าตลาด A-Share รวมทั้งหุ้นยุโรปที่ราคาถูก ส่วนหุ้นเวียดนามยังไม่แนะนำให้ซื้อเพราะยังมีความเสี่ยง

แนะนำข่าวการเงิน อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย :  คลังแนะออก”ประกันความงาม” รับเทรนด์ประชาชน